วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คำศัพท์ในเรื่องของเสียง (Mid)

เสียงกลาง ( Mid , Mids , Mid-Range , Middle )

สิ่งที่หลายๆท่านเคยสงสัยกันว่า มันคืออะไร เสียงกลางเนี่ย เสียงที่วางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือ ? อ๊ะ อาจจะเป็นเสียงที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศที่มีตำแหน่งอยู่ตรงกลางของทั้งหมด ซึ่งจะอยู่ตรงช่วงจุดตัดของค่ารวมทั้งหมดของระยะ soundstage และ มิติเสียงกลาง..... เอ่อ เว่อร์ไปนิดเนอะคะ

แล้วเสียงกลางมันคืออะไรกันล่ะ ถ้าพูดกันง่ายๆภาษาบ้านๆนะคะ เสียงกลางก็คือ เสียงที่อยู่ตรงกลางนั่นแหละค่ะ เสียงทั้งหมดที่อยู่แถว Zone กลางของหน้าเราเวลาฟังเพลงเนี่ยแหละค่ะเสียงกลาง สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะว่า เสียงที่ไต่ระดับอยู่ที่ 100Hz-3KHz หรือ 160-1,500 Hz ที่เป็นช่วงของเสียงที่ให้ระดับเสียงกลางๆนั้น โดยมากจะเป็นเสียงร้องค่ะ จริงๆชิ้นดนตรีอื่นๆก็มีโทนเสียงในระดับกลางเช่นกัน แต่เสียงร้องมักจะถูกนำมาวางไว้ตรงกลางมากที่สุดค่ะ ดังนั้นถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ เสียงกลางคือเสียงตรงกลาง ที่ไม่ใช่เสียงสูง หรือเสียงต่ำอย่างเบสค่ะ ต้องเป็นเสียงที่ให้โทนกลางๆเลยค่ะ ก็ให้จำไว้ว่า เสียงกลาง นอกจากไม่สูงไม่ต่ำแล้ว ส่วนใหญ่จะมาอยู่กันช่วงกลางๆเลยค่ะ

และด้วยเหตุผลที่เสียงกลางโดยมากจะเป็นเสียงร้อง ดังนั้นจึงมีคำขยายเพื่ออธิบายของเสียงกลางอีกค่ะ โดยแบ่งเป็น

ขึ้นจมูก( NASAL ) ลองนึกภาพคนเป็นหวัด หรือเวลาเราบีบจมูกแล้วพูดออกมาดูค่ะ เสียงขึ้นจมูกของเสียงกลางจะออกเป็นลักษณะแบบนั้น เสียงจะอู้ๆ ก้องๆ ฟังแล้วไม่รู้เรื่องเลยค่ะ

เจิดจ้า , เด่น , พุ่ง หมายถึงอาการของเสียงกลางที่จะโดดนำเสียงอื่นๆออกมาเลยค่ะ กลายเป็นว่าเสียงอื่นๆฟังดูด้อยไปพิลึก เล่นเอา balance เสียไปหมดเลยค่ะ ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายๆ ลองหาเพลง "เถียงกันทำไม" จากอัลบั้ม " ธงไชย วิลเลจ" มาลองฟังดูค่ะ จะเข้าใจตรงนี้ได้ง่ายมาก

Chesty ( ไม่รู้จะแปลว่าไงดีค่ะ ) คือ จะหมายถึงเสียงร้องที่มีขนาดใหญ่ผิดปรกติ ประหนึ่งว่านักร้องท่านนั้นมีปอดแบบไม่ธรรมดา จนกลายเป็นว่าช่วงความถี่กลางต่ำ ( ประมาณ 250Hz-125Hz ) ถูกอัดขยายขึ้นมาเด่นมากจนกินย่านอื่นไปซะส่วนใหญ่ เสียงร้องอย่างเสียงผู้ชายเลยจะออกห้าวๆ ลึกๆ เกินจริง แต่มันก็จะให้รู้สึกว่าเสียงกลางอวบและอิ่ม ฟังดูมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้นค่ะ บางท่านก็จะชอบแบบนี้

โปร่ง ก็คืออาการของเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกว่าโล่ง โปร่ง สบาย ฟังแล้วไม่รู้สึกอับเหมือนอยู่ในห้องแคบๆ โดยมากเสียงโปร่งๆจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ไม่มีเสียงอื่นเสียงใดมารบกวนเสียงที่เรากำลังรับชม เพราะลักษณะของคลื่นเสียงจากลำโพงที่ตรงเข้ามาหาเราจะไม่ถูกรบกวนด้วยคลื่น เสียงจากที่อื่น เมื่อใดก็ตามที่มีคลื่นเสียงอื่นนอกเหนือจากเสียงที่มาจากลำโพงตรงๆ ไม่ว่าจะด้วยอคูสติคของห้องที่ไม่ดี ไม่มีแผงดิฟิวเซอร์* หรือใช้ absorb มากเกินไป เรียกว่าใส่ซะจนเป็นห้องอัดเสียงใน Studio เหล่านี้ จะทำให้สัญญานเสียงเปลี่ยนไปหมด
ในแง่ของหูฟัง ในเรื่องของความโปร่งนั้นจะขึ้นอยู่กับบุคลิกของหูฟังที่ให้มาค่ะ ปัจจัยภายนอกอย่างอื่นจะไม่เกี่ยวข้องเลยค่ะ มักจะอยู่ที่การออกแบบหูฟังของแต่ละบริษัท และยังสามารถขึ้นอยู่กับ แอมป์ และ Player อีกด้วยค่ะ

* ดิฟิวเซอร์คือแผงที่มีขึ้นเพื่อเคลียร์คลื่นเสียงไม่ให้สะท้อนออกไปในปริมาณ ที่มากเกินไป ลักษณะจะเป็นแผงเหมือนชั้นหนังสือค่ะ แต่จะเป็นแนวกระดานแบบเส้นตรงไม่ใช่แนวนอนเหมือนชั้นหนังสือ แล้วจะวางไว้ค่อนข้างชิดกัน แต่ก็จะมีระยะห่างที่พอควร โดยปรกติจะเป็นที่นิยมมากกว่าพวก absorb ( absorb จะเป็นตัวดูดซับสัญญานค่ะ ทำหน้าที่เหมือนดิฟิวเซอร์ แต่ถ้าติดมากเกินไปจะทำให้เสียงที่ได้รู้สึกอับๆค่ะ ) เพราะทำให้รับ image ได้ชัดเจนเหมือนกัน แต่ห้องไม่อับ เสียงที่ได้จะโปร่งกว่าเยอะค่ะ

เขียนโดย StaxFire จากเว็ป Pantip.com

ไม่มีความคิดเห็น: